ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ร่วมกับคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) แถลงสถานการณ์คุณธรรมในสังคมไทยปี 2565 โดยจากการศึกษาวิจัยในกลุ่มประชากรไทย อายุระหว่าง 13-60 ปี สะท้อนทัศนคติของคนไทยต่อสถานการณ์ “คุณธรรม” ในสังคมไทยยุคปัจจุบัน ผลการวิจัยพบว่า คนไทยมองตัวเองมีคุณธรรมครบ 5 ด้าน พอเพียง วินัย สุจริต จิตสาธารณะ กตัญญู ในระดับพอใช้เท่านั้น ขณะที่ภาพรวมมิติคุณธรรมด้านต้นทุนชีวิตใน 5 พลัง ยังถือว่าอยู่ในระดับดี แต่ยังมีจุดด้อยที่มีความอ่อนแอด้านพลังชุมชนควรเร่งส่งเสริมการมีส่วนร่วมต่อไป
รองศาสตราจารย์ นายแพทย์สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) เผยถึงบทบาทขององค์กรและความสำคัญของการศึกษาวิจัยทางสังคมในมิติคุณธรรมครั้งนี้ว่า เป็นงานวิชาการที่จะเป็นฐานสำคัญของการขับเคลื่อนทางสังคมในมิติคุณธรรม โดยอิงจากองค์ความรู้และข้อมูลที่สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน “บทบาทหลักของศูนย์คุณธรรม ในฐานะองค์การมหาชนสายวิชาการ เน้นการพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อให้เครือข่ายทางสังคม ได้นำองค์ความรู้และนวัตกรรมไปใช้ขับเคลื่อนงานด้านคุณธรรมตามบริบทของแต่ละหน่วยงาน และเป็นฐานองค์ความรู้ที่สามารถนำมาประกอบการตัดสินใจกำหนดนโยบายและออกแบบกระบวนการส่งเสริมคุณธรรมในระดับปฏิบัติการ โดยการจัดทำรายงานสถานการณ์คุณธรรมของสังคมไทยประจำปี 2565 ถือเป็นหนึ่งในองค์ความรู้ซึ่งศูนย์คุณธรรมได้จัดทำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 เป็นต้นมา และมีการเผยแพร่องค์ความรู้นี้ต่อสาธารณะชนสำหรับหน่วยงานต่าง ๆ นำไปใช้ประโยชน์ได้
รศ.นพ.สุริยเดว ยังได้ให้ภาพการพัฒนาดัชนีชี้วัดคุณธรรมในฐานะที่เป็นนวัตกรรมที่แปลงเรื่องคุณธรรมให้เป็นรูปธรรมและอยู่บนหลักวิชาการ โดยแต่ละบุคคลเป็นผู้ประเมินพฤติกรรมตนเอง (Self reflection behavior) 5 ประเด็น คือ พอเพียง วินัยรับผิดชอบ สุจริต จิตสาธารณะ และกตัญญู ซึ่งดัชนีชี้วัดคุณธรรมสำรวจใน 6 ภูมิภาค ใน 3 ช่วงวัย คือ เด็กและเยาวชน วัยทำงานตอนต้น และวัยทำงาน ใน 6 กลุ่มอาชีพ คือ เกษตรกรรม รับราชการ/พนักงานรัฐ พนักงานเอกชน พนักงานรัฐวิสาหกิจ รับจ้างทั่วไป และธุรกิจส่วนตัว/อิสระ
สำหรับทุนชีวิตเป็นการประเมินพลังบวกของระบบนิเวศที่อยู่รอบตัวมนุษย์ใน 5 พลัง คือ พลังตัวตน พลังครอบครัว พลังสร้างปัญญา / พลังองค์กร พลังเพื่อนและกิจกรรม พลังชุมชน โดยทั้งดัชนีชี้วัดคุณธรรมและทุนชีวิตสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือสภาพัฒน์กำหนดให้เป็นตัวชี้วัดในระดับประเทศ
ศูนย์คุณธรรมได้ดำเนินงานร่วมกับ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายงานสถานการณ์คุณธรรมในสังคมไทยปี 2565 ฉบับล่าสุด โดยศึกษาวิจัยสำรวจกลุ่มประชากรไทยวัย 13-60 ปีทั่วประเทศ ใน 3 หัวข้อหลัก ได้แก่
1. รวบรวมสถานการณ์สำคัญด้านคุณธรรมในปีที่ผ่านมา
2. ประเมินสถานการณ์คุณธรรม จากดัชนีชี้วัดคุณธรรม 5 มิติ พอเพียง วินัย สุจริต จิตสาธารณะ และกตัญญู
3. การสำรวจต้นทุนชีวิต 5 พลังหรือ 5 ด้าน ประกอบด้วย พลังตัวตน พลังครอบครัว พลังสร้างปัญญา / ที่ทำงาน พลังเพื่อนและกิจกรรม และพลังชุมชน
ผลการศึกษาทั้ง 3 ส่วนนี้ สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติของคนไทยและสังคมไทยที่มีต่อ “คุณธรรม” ในยุคปัจจุบัน ว่าภาพรวมคุณธรรมคนไทยมองตัวเองแค่พอใช้ ยังยึดมั่นกตัญญู วัยเกษียณลดความพอเพียง ผลจากงานวิจัย ยังพบว่า คนไทยทุกช่วงวัยประเมินว่าตนเองมีคุณธรรมครบ 5 ด้าน ในระดับพอใช้เท่านั้น คนไทยยังมีความกตัญญูสูง แต่มีความสุจริตในระดับพอใช้และความพอเพียงในระดับน้อย ทั้งนี้ การสำรวจ “ดัชนีชี้วัดคุณธรรมของคนไทย” ได้แก่ พอเพียง วินัย สุจริต จิตสาธารณะ กตัญญู ในกลุ่มประชากรตัวอย่าง งานวิจัยสถานการณ์คุณธรรมครั้งนี้ สำรวจกลุ่มตัวอย่างคนไทยอายุระหว่าง 13-60 ปี แบ่งเป็น 3 ช่วงวัย คือ วัยเด็กและเยาวชน อายุ 13-24 ปี วัยทำงาน อายุ 25-40 ปี และวัยผู้ใหญ่อายุ 41 ปีขึ้นไป โดยในมิติคุณธรรมด้านความกตัญญู กลุ่มตัวอย่างทุกช่วงวัยประเมินตัวเองว่า มีความกตัญญููในระดับมาก สะท้อนให้เห็นว่าความกตัญญู ซึ่งเป็นคุณธรรมดั้งเดิมของสังคมไทยยังคงได้รับความสำคัญจากคนยุคปัจจุบัน ขณะที่ คุณธรรมในด้านความสุจริต คนวัยเด็กและวัยทำงานประเมินตัวเองอยู่ในระดับพอใช้เท่านั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าควรมีการส่งเสริมคุณธรรมด้านสุจริตในสังคมไทยให้มากขึ้น คุณธรรมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ปัจจุบัน คือ คุณธรรมในด้านความพอเพียง ซึ่งประชากรวัยผู้ใหญ่อายุ 41 ปีขึ้นไป ประเมินว่าตนเองมีความพอเพียงในระดับน้อย โดยคณะนักวิจัยชี้แนะถึงสาเหตุว่าอาจเป็นเพราะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์โรคระบาดโค วิด19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้คนวัยนี้ต้องนำเงินออมมาใช้จ่ายก่อนเกษียณมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้
ผลวิจัยในมิติคุณธรรมด้าน “ต้นทุนชีวิต 5 พลัง” ของคนไทย พบว่าแม้ภาพรวมต้นทุนชีวิตทั้ง 5 พลัง อยู่ในเกณฑ์ดีสำหรับทุกช่วงวัย แต่พลังชุมชนยังมีน้อยและควรมีการเสริมสร้างชุมชนเข้มแข็งเพิ่มขึ้น โดย ต้นทุนชีวิต 5 พลัง ส่งผลต่อทัศนคติและพฤตินิสัยของบุคคล ได้แก่ พลังตัวตน พลังครอบครัว พลังสร้างปัญญา / พลังที่ทำงาน พลังเพื่อนและกิจกรรมและพลังชุมชน ซึ่งกลุ่มประชากรกลุ่มตัวอย่างทุกช่วงวัย ประเมินว่าตนเองมีพลังชุมชนน้อยกว่าพลังอื่นๆ ข้อชี้แนะคือควรเร่งส่งเสริมหรือออกแบบกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างพลังชุมชนให้กลับมาเข้มแข็ง เช่นกิจกรรมเปิดโอกาสให้เด็กได้เข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบกิจกรรมของชุมชน เป็นต้น
นอกจากนี้สถานการณ์คุณธรรมในสังคมไทยปัจจุบันยังสะท้อนถึงสภาวะที่น่ากังวลด้านคุณภาพชีวิตคนไทย เช่น สถานการณ์ “หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงสุดในรอบ 18 ปี” สถานการณ์ “ผู้สูงวัยเผชิญภาวะอยู่ตามลำพัง” ขาดคนดูแล รวมถึงสัญญาณเตือนจากอันดับเชิงคุณภาพชีวิตในระดับโลกในสถานการณ์วิกฤติคุณภาพสิ่งแวดล้อมไทยย่ำแย่ สถานการณ์ด้านคุการทุจริตคอร์รัปชัน รวมถึง สถานการณ์ “เทรนด์อาชีพอิสระ” กับ ความหวังแรงงานยุคโควิด 19 สถานการณ์อุบัติเหตุ ในปี 2565 พุ่งสูงขึ้น สาเหตุขาดวินัยการขับขี่ สถานการณ์ที่เกี่ยวกับโลกไซเบอร์ทั้งสารพัดเรื่องหลอกลวงในโลกออนไลน์และสื่อออนไลน์กับภัยคุมคามเยาวชนและปัญหาครอบครัว ในขณะที่ ปรากฎการณ์จิตอาสา เมื่อคนดีต้องมีพื้นที่ยืน เป็นสถานการณ์คุณธรรมที่สะท้อนทัศนคติคนไทยทั้งเชิงบวกและลบ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รุ่งทิวา แย้มรุ่ง คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะคณะศึกษาศาสตร์ที่ได้ชื่อว่าเป็นคณะแรกของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒและได้ผลิตนิสิตที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นครูเสียเป็นส่วนใหญ่ ครูจึงต้องมีคุณธรรมเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวในการทำหน้าที่ครูที่ดีมีคุณธรรม แม้แต่การทำงานในองค์กรหรือทุกคณะของมหาวิทยาลัยในปัจจุบันก็ต้องมีคุณธรรมความโปร่งใสที่ตรวจสอบได้ ตลอดจน นิสิต มศว ของเราก็มีอัตลักษณ์อันพึงประสงค์ของสังคมไทยใน 9 ประการที่สะท้อนคุณค่าความมีคุณธรรม ทว่า พัฒนาการคุณธรรมจะเริ่มอย่างไรในสังคมคุณธรรมนั้นก็เกิดจากการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องก่อนว่า คุณธรรมไม่ได้เกิดขึ้นจากการท่องจำ คุณธรรมเกิดขึ้นบนความศรัทธา เกิดขึ้นจากพลังบวกวิธีการสร้างคุณธรรมของบุคคลนั้นๆ เอง คุณธรรมเป็นเรื่องนามธรรมก็จริงแต่ก็เห็นผลได้ แต่ต้องไม่ทำเพราะต้องการให้ตนเองดูดีในสังคมหรือทำเพราะเป็นกติกาทางสังคมและบรรทัดฐานทางสังคม แต่ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีคุณธรรมเพราะจิตสำนึกเป็นคนมีคุณธรรมนั่นเอง”