มศว ผนึกมูลนิธิครอบครัวพอเพียง สืบสานปณิธานในหลวง ร.9 กระตุ้นจิตสำนึกสาธารณะ สร้างนิสิตจิตอาสาทำดีบำเพ็ญประโยชน์ให้กับสังคม
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ของเรา โดยรองศาสตราจารย์ ดร.สมชาย สันติวัฒนกุล อธิการบดี พร้อมด้วยอาจารย์หมอโอของนิสิต มศว (รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาศักยภาพนิสิตรศ.นพ.โอฬาร พรหมาลิขิต) และผู้บริหารมหาวิทยาลัยระดับรองอธิการบดี คณาจารย์อีกหลายท่าน เช่น อาจารย์ ดร.กัมปนาท บริบูรณ์ หัวหน้าภาควิชาการผู้ใหญ่และการศึกษาตลอดชีวิต ที่ได้เคยนำนิสิตโครงการเพชรในตมทำกิจกรรมจิตอาสาทำดีร่วมกับมูลนิธิครอบครัวพอเพียงกันมาบ้างแล้วบุคลากรพี่ๆ น้องๆ จากส่วนกิจการนิสิต บุคลากรทีมประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัย ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องทั้งสองฟากฝ่าย รวมไปถึงน้องๆ นักเรียนและพี่ๆ นิสิต ต่างมารวมกำลังรวมพลคนทำดีมีจิตอาสากันที่ห้องประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัย เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือระหว่าง มศว กับ “มูลนิธิครอบครัวพอเพียง” ในการสร้างเครือข่ายปลูกจิตสำนึกสาธารณะ สร้างคุณลักษณะนิสิตจิตอาสาที่จะช่วยสร้างสังคมให้เกิดความรักความสามัคคี ในอันที่จะนำไปสู่ความสันติสุขร่วมกันของแผ่นดินไทย
นางอริยสิริ พิพัฒน์นรา กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิครอบครัวพอเพียง กล่าวถึงความสำคัญของความร่วมมือนี้ว่า “สภาพสังคมที่บีบรัด แข่งขันกันทุกรูปแบบ ทำให้คนในครอบครัวขาดการดูแลอย่างจริงจัง บางครอบครัวแตกแยก ผู้นำอ่อนแอ ประเทศไทยของเราเป็นครอบครัวเดียวกันทั่วทั้งแผ่นดิน โดยเฉพาะเรามีหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงหรือศาสตร์ของพระราชาในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นเครื่องชี้นำแนวทางในการดำเนินชีวิตให้อยู่อย่างพอเพียง ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 10 พระองค์ท่านได้ทรงสืบสานและยังทรงมีโครงการ จิตอาสาทำดี เพื่อให้คนไทยรักสามัคคีกันเพราะพลังความดีและความสามัคคี จะเป็นเครื่องนำพาชาติให้พ้นภัย ทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข
ในสถานศึกษาทั่วทุกแห่งตั้งแต่เหนือจรดใต้นั้น โดยเฉพาะโรงเรียนทั่วประเทศ มูลนิธิครอบครัวพอเพียง ได้มีการขยายเครือข่ายจัดตั้งศูนย์หรือชมรมของมูลนิธิพอเพียง เพื่อให้นักศึกษาที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมของมูลนิธิฯ โดยมุ่งเน้นการปลูกฝังให้นักศึกษามีจิตสำนึกคำว่า จิตอาสาอย่างแท้จริง เพราะเล็งเห็นว่าเยาวชนที่ต้องการความช่วยเหลือ คำสอน ความรัก ความอบอุ่น การกระตุ้นเตือนจิตสำนึก ความ รับผิดชอบต่อสังคม เข็มทิศที่จะนำพาชีวิตให้เป็นสุขและมั่นคง การเชิดชูจุดศูนย์รวมของจิตใจ ศาสนา พระมหากษัตริย์ การวางรากฐานสังคมไม่ทอดทิ้งกัน ความสมัครสมานสามัคคี น้ำใจไมตรีที่เคยมีแต่ก่อนกาลและกิจกรรมจิตอาสาทำดี จึงเป็นสาระสำคัญของการที่มูลนิธิครอบครัวได้รับโอกาสจากแทบทุกสถานศึกษามาจนถึงวันนี้”
ทั้งนี้มูลนิธิครอบครัวพอเพียง ได้มีโครงการครอบครัวพอเพียงสู่สถานศึกษาและชุมชน ดำเนินกิจกรรมกำเนิดศูนย์ครอบครัวพอเพียงโรงเรียนคู่มิตร ไปทั่วทุกภูมิภาค ดำเนินกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น ดำเนินกิจกรรมจิตอาสาครอบครัวพอเพียง โดยเฉพาะ โครงการ Do for D. เพราะเรามีพ่อคนเดียวกัน จัดกิจกรรมสอนหนังสือน้องๆ ในชุมชนต่างๆ อย่างกว้างขวางนับร้อยแห่ง
มูลนิธิครอบครัวพอเพียง มีเป้าหมายที่จะสืบสานพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ในการเผยแพร่ความรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและนำไปใช้ให้เกิดผลได้จริง โดยปลูกฝังตั้งแต่ระดับโรงเรียน ปัจจุบันดำเนินการไปแล้ว 12 ปี มีเครือข่ายที่เป็นสถานศึกษากระจายทั่วประเทศ และมีนักเรียนที่เป็นสมาชิก กว่า 5 ล้านคน นักเรียนส่วนใหญ่ก็ได้ศึกษาต่อจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีไปแล้วจำนวนมาก
นอกจากนี้มูลนิธิครอบครัวพอเพียง ยังได้ติดตามสมาชิกที่ปัจจุบันเป็นนักศึกษาเรียนอยู่ในสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ เพื่อให้นิสิตนักศึกษาเหล่านั้น ได้สานต่อกิจกรรมของครอบครัวพอเพียงต่อไป “จากการสำรวจของมูลนิธิฯ พบว่า ปีการศึกษา 2561 นี้ มีนักเรียนยื่นสมัครรอบแฟ้มสะสมผลงาน โดยใช้กิจกรรมที่ทำกับมูลนิธิฯ ไปยื่น และผ่านการคัดเลือก 7,853 คน ทั้งนี้ เด็กไม่ได้พูดถึงเกียรติบัตรที่ได้รับ แต่จะกล่าวถึงกิจกรรมที่ได้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสถานศึกษา ชุมชนและประเทศ” นางอริยสิริ กล่าว
รองศาสตราจารย์ ดร.สมชาย สันติวัฒนกุล อธิการบดี มศว
อธิการบดีและรองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาศักยภาพนิสิต มศว เองก็ยอมรับว่า นิสิตคือคนที่เป็นอนาคตเป็นความหวังของการสร้างสังคมใหม่ที่มีสันติสุขสามัคคี นอกจากนี้ มศว ของเราก็ได้กำหนดอัตลักษณ์ของนิสิต ไว้ 9 ประการ หนึ่งนั้นคือ เปี่ยมจิตสำนึกสาธารณะ ซึ่งมหาวิทยาลัยมีนโยบายการเป็นมหาวิทยาลัยรับใช้สังคม มุ่งส่งเสริมให้นิสิตบูรณาการองค์ความรู้ มีจิตอาสาบำเพ็ญประโยชน์ต่อชุมชน สังคม สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนานิสิต
“สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมให้นิสิต มศว ของเรา ได้พัฒนาศักยภาพนิสิตตามคุณลักษณะบัณฑิตที่พึงประสงค์และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่เพื่อพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลทุกมิติ บนพื้นฐานของความเป็นไทยและก่อให้เกิดการสร้างรายได้และอาชีพที่มั่นคงด้วยเครือข่ายพลเมืองรุ่นใหม่” รองหมอโอฬาร รองฝ่ายพัฒนาศักยภาพนิสิตฝากมาค่ะ